วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

วิธีอ่านหนังสือสอบของข้าพเจ้า


ด้วยข้าพเจ้าเป็นเด็กที่มีสมาธิสั้นมากระดับ ๒ มิลลิเมตร
ด้วยข้าพเจ้าเป็นเด็กที่มีระดับความขี้เกียจสูงปรี๊ดพุ่งทะลุกระดูกสันหลังจนยาวเฟื้อย
ด้วยข้าพเจ้าเป็นคนที่ติดSocialมากกว่า ๑ ตัว ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter Line Whatsapp ฯลฯ และ ในทุกAppนั้นจะต้องอัพเดตเสมอรายวินาที เรียกได้ว่า เปิดวนทีละAppพอวนครบรอบก็รู้สึกว่าAppแรกไม่Updateแล้วต้องวนใหม่ก็ว่าได้

ด้วยข้าพเจ้าเป็นเด็กความจำสั้น (หรือจะเรียกว่าเอาไปใช้ผิดเรื่องก็ไม่ทราบ) แต่ข้าพเจ้ามักจำเนื้อหาในบทเรียนไม่ได้ ไม่สามารถอ่านหน้าห้องสอบจำให้ได้มากที่สุดแล้วพุ่งเข้าไปคายทุกอย่างออกมาแล้วลืมได้ ข้าพเจ้ามีแต่ทำอย่างไรก็ได้ให้เพื่อที่จะจำแล้วความรู้เหล่านี้จะติดตัวไปตลอดหลายปีกว่าจะลืม

ดังนั้นข้าพเจ้าจึงจำเป็นต้องมีเทคนิควิธีการอ่านหนังสือเป็นของตัวเองเพื่อ จูงใจ หลอกล่อ บังคับ ข่มขู่ ขู่เข็ญ ให้ตัวเองอ่านหนังสือ มาโดยตลอด

ช่วงนี้อาจด้วยเป็นช่วงเปิดเทอมใหม่ เด็กๆหลายคนตั้งใจใหม่ว่าปีนี้จะตั้งใจเรียน เด็กๆหลายคนขึ้นม.6 เริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศการสอบ ฯลฯ ข้าพเจ้าจึงอยากจะนำเทคนิกการอ่านหนังสือสอบส่วนตัวมาเผยแพร่ไว้ ณ ที่นี้


บางวิธีข้างล่างอาจจะฮาร์ดคอร์ไปบ้าง ควรเลือกปรับใช้ให้เหมาะสมแก่นิสัยของตนเองและสังขารอันอำนวย อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า วิธีทั้งหมดนี้ข้าพเจ้าเคยทำมาหมดแล้ว


๑.   ใช้วิธีฝึกแมวน้ำ...ข้าพเจ้ามักจะบอกตัวเองให้ทำอะไรสักอย่างแล้วจะให้รางวัลตัวเองเสมอ เช่น หากอ่านหนังสือจบ1บท จะอนุญาตให้ตัวเองเล่นทวิตเตอร์เป็นเวลา ครึ่งชั่วโมง แล้วค่อยอ่านต่อ หรือ หากอ่านจบ จะให้เล่นเกม 1 เกม ตกลงกับตัวเองไปเรื่อยๆ วิธีนี้คงเป็นวิธีง่ายๆที่หลายคนทำอยู่

ข้อดี วิธีนี้ทำให้ได้อยู่กับหนังสือจริงๆ
ข้อเสีย บางครั้งสมาธิก็ไปจ่ออยู่กับรางวัลมากกว่าหนังสือ


๒.  ด้วยลายมือข้าพเจ้ามีความงดงามมาก กล่าวคืออ่านยากกว่าอักษรคูนิฟอร์มของชาวสุเมเรียนเล็กน้อย ทำให้ในวิชาเล็กเชอร์ที่ข้าพเจ้าใส่ใจบางวิชา(note ถึงตัวเองสมัยเรียน: ควรใส่ใจทุกวิชา) ข้าพเจ้าจะนำจารึกที่ตัวเองจารขึ้นในห้องเรียนกลับมาบ้าน แล้วคัดลอกใหม่ให้เป็นหมวดหมู่งดงาม เป็นของตัวเอง

ข้อดี วิธีนี้จะทำให้ข้าพเจ้าจำสิ่งที่เรียน ได้แม่นมาก และมีสรุปอ่านเวลาใกล้สอบ หากขี้เกียจข้าพเจ้าจะใช้ร่วมกับข้อ1 เช่น สรุปครบ1หน้าจะทำอะไร
ข้อเสีย งานหนักขี้เกียจง่าย สะสมไว้เยอะๆตาย สมาธิไปจดจ่ออยู่กับโซเชียลบ้างบางที


๓.  ทำสรุป บางครั้งการทำสรุปสั้นๆก่อนสอบก็ช่วยเยอะเหมือนกัน ข้าพเจ้ามักจำทำสรุปก่อนสอบย่อจากสรุปในข้อ ๒ ให้เหลือแค่หัวข้อใหญ่ๆ พอทำจนเสร็จก็อธิบายตัวเองให้ได้แต่ละหัวข้อเหมือนพูดปากเปล่าสอนตัวเองว่า แต่ละหัวข้อมีรายละเอียดอะไรบ้างเราอธิบายได้มากน้อยขนาดไหน(หรือถ้าจะให้ดีก็ไปหาเพื่อนสักคนแล้วติวให้มันซะ) ถ้าอธิบายจากหัวข้อทุกหัวข้อได้แล้ว ข้าพเจ้าก็จะปิดสรุปชิ้นนี้และหนังสือทุกเล่มทิ้ง นั่งมองกระดาษเปล่าแล้วเขียนหัวข้อทุกหัวข้อขึ้นมาใหม่ ให้ย่อให้เข้าใจเองด้วย (ทั้งหมดนี่มาจากสมองล้วนๆ) ถ้าเขียนออกมาได้แปลว่าไม่มีปัญหาแล้วในห้องสอบ เพราะ คุณจำโครงสร้างเรื่องทั้งหมดได้ และอธิบายรายละเอียดมันได้

ข้อดี ดีมาก ทำให้จำได้ทุกสิ่งอย่างและยังมีช็อตโน้ตสั้นๆไปกันลืมหน้าห้องสอบ
ข้อเสีย อาศัยเวลากว่าจะจำได้


๔.  หาเวลาอ่านที่ไม่มีอะไรมาเบียดบังความสนใจ ช่วงหนึ่งของชีวิตที่เหนื่อยมากเพราะเป็นช่วงที่ยังไม่มีห้องนอนและห้องอ่านหนังสือของตัวเอง อีกทั้งทุกเวลาที่ตื่นนอนจะมีเสียงทีวีเพื่อติดตามข่าวสารบ้านเมืองตลอด ข้าพเจ้าไม่สามารถตั้งสติเพื่ออ่านหนังสือได้ ข้าพเจ้าจึงมักอ่านหนังสือในเวลาที่คนอื่นนอนเสมอ กล่าวคือ ข้าพเจ้ามักเข้านอนตั้งแต่ ๒ ทุ่ม และตื่นมาอ่านหนังสือเวลา ตี๒ (ซึ่งแน่นอนโซเชียลทั้งหลายไร้การupdateให้กวนใจ) อ่านหนังสือ ทำสรุปหรืออะไรก็ตามยาวจนถึง ตี๔ (แม้จะเป็นเวลาสั้นๆเพียง ๒ ชั่วโมงแต่ถ้าตั้งสติให้เต็มที่ก็อ่านได้เยอะกว่าอ่านอยู่ ๕-๖ชั่วโมงโดยที่ใจจดจ่ออยู่กับคอมพิวเตอร์) จากนั้นข้าพเจ้าจะเข้านอนตอนตี๔ ยาวไปจนถึงเวลาที่ควรตื่นเพื่อไปเรียน วิธีนี้ทำให้ข้าพเจ้าได้หลับเต็มอิ่มให้หายเพลียอีกสักรอบก่อนไปเรียน

ข้อดี มีสมาธิ ได้ใช้เวลาเต็มที่ เงียบสงบ ปราศจากคนรบกวน คนเรียกทำนู่นนี่ระหว่างอ่าน
ข้อเสีย ไม่ควรทำระยะยาว เพราะทำแล้วสุขภาพเสียเพลียสะสม ไม่ควรทำช่วงใกล้สอบเพราะอาจน็อกไปสอบไม่ทัน ควรให้เวลาตัวเองปรับตัวกลับบ้างมิฉะนั้นอาจJet lag และควรทำหากคิดว่าตัวเองมีกลุ่มเพื่อนซึ่งเข้านอนช่วงตี๑-๒ หากเพื่อนเล่นเกมถึงตี๔ อาจจะตื่นมาเฮฮปาจิงโกะแบบมีพลังกว่าเดิมก็เป็นได้



๕.  หยุดโซเชียลไม่ได้ก็อ่านหนังสือในโซเชียล หลายคนที่follow twitterข้าพเจ้ามาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัย คงจะเห็นว่าข้าพเจ้ามักทวิตความรู้บ่อยๆ โดยเฉพาะช่วงสอบจะทวิตถี่เป็นพิเศษและบางครั้งเนื้อหาก็ยากและเฉพาะทางมาก(เกินกว่าจะเป็นความรู้ทั่วไป) นั่นคือข้าพเจ้าเลือกแง่มุมที่น่าสนใจจาก หนังสือที่กำลังอ่านอยู่มาทวิต แน่นอนว่าเนื้อหาหรือแง่มุมที่น่าสนใจที่เอามาทวิตเป็นเพียงเสี้ยวเดียวของวิชาที่เรียน แต่หากจะหาแง่มุมนั้นได้แปลว่าคุณต้องอ่านเนื้อหามาแล้วเป็นอย่างดี ดังนั้นบางครั้งข้าพเจ้าจึงเลือกอ่านเนื้อหาหน้าคอมพิวเตอร์ อ่านไปทวิตไป และหลายครั้งการพิมพ์ รวมทั้งการเอามามองมันในมุมตลกๆ ก็ทำให้จำได้และโยงไปถึงเนื้อหาที่ใช้จริงเวลาสอบเลยทีเดียว

ข้อดี เรียนเด่นเล่นดี ดีให้ได้ทุกอย่าง
ข้อเสีย ต้องคุมตัวเองให้อยู่ว่าอ่านทุกคำพูดเพื่อมาโพสจริงๆ ไม่ใช่แค่สแกนหาอะไรน่าโพสมาโพสแล้วก็หลงไปในกระแสอินเตอร์เน็ตอีก ๒ ชั่วโมงกว่าจะมาอ่านต่อ


๖.   ให้รางวัลตัวเองแล้วไม่ได้ผลก็ลงโทษตัวเอง บางครั้งตอนที่ขี้เกียจหนักๆจริงๆ นอนอืดเป็นวันๆไม่อยากขยับตัวไม่อยากอ่านหนังสือไม่อยากทำงาน ข้าพเจ้าจะลงโทษตัวเอง เช่น ตั้งกฎว่า ถ้าอ่านไม่จบบทนี้ภายในเวลา 2 ชั่วโมง(นี่เผื่อเวลาให้สุดๆแล้วนะ เวลาประเมินจริงๆถ้าไม่ขี้เกียจคือ ครึ่งชั่วโมง) จะวิดพื้น ๕๐ที ไม่ก็ ซิทอัพ ๑๐๐ที (เอาที่ไหว แต่แทบจะตาย ไม่ใช่ทำได้สบายๆ)

ข้อดี จะเกิดอาการขี้เกียจทำสิ่งที่แย่กว่าแล้วลุกขึ้นมาอ่าน ได้ออกกำลังกายขยับตัวทำให้หายขี้เกียจเพราะเอ็นดรอฟินหลั่ง
ข้อเสีย เหนื่อยแล้วอาจจะขี้เกียจกว่าเดิม หรืออาจจะไม่ซื่อสัตย์กับตัวเอง แบบหาข้ออ้างให้ตัวเองแล้วไม่ทำ



๗.  ใช้หลักเห็นบ่อยๆค่อยๆจำ บางครั้งข้าพเจ้าจะนำสรุปสั้นๆที่เขียนเองแปะไว้ตามผนังห้องนอน เรียกได้ว่าเห็นจนชิน จำเป็นภาพ วันหนึ่งนึกอะไรไม่ออกในห้องสอบก็อาจจะระลึกภาพข้างปลั๊กไฟ ข้างโต๊ะแต่งหน้าอะไรขึ้นมาได้บ้าง
ข้อดี ช่วยชีวิตยามฉุกเฉินทำให้ระลึกได้
ข้อเสีย รก และบางครั้งก็เห็นจนชินเลิกสนใจ


๘.  ถ้าเป็นคนเรียนเก่งและถนัดวิชานั้นหน่อยพอที่เพื่อนจะเชื่อถือ แต่ขี้เกียจอ่าน ไปหาเพื่อนแล้วสัญญากับมันว่าจะติวให้สัก๑-๒วันก่อนสอบ วิธีนี้จะทำให้ได้อ่านหนังสือและทำความเข้าใจมาเป็นอย่างดีก่อนไปสอบจริง เพราะต้องเตรียมตัวไปสอนเพื่อ(ทำความเข้าใจ) แถมยังต้องมาพูดดังๆออกเสียงซ้ำอีกครั้งให้รู้ไปเลยว่ามีตรงไหนเราเข้าใจไปเองว่าเข้าใจไหม อย่างน้อยได้อ่าน ๒ รอบแน่ๆ

ข้อดี อ่านย้ำๆ อ่านซ้ำๆ ถ้าเพื่อนไม่อ่อนวิชานั้นเกินไปอาจท้วงเวลาเราเข้าใจผิดได้ด้วย
ข้อเสีย คนไม่รับผิดชอบมันก็ไม่รับผิดชอบอยู่ดี บางคนเอาหนังสือมาอ่านให้เพื่อนฟังไม่ได้เตรียมตัวมาติว บางทีทำเพื่อนเสียเวลา แถมบางทีเสียเวลาทั้งคู่เพราะชวนกันเล่นเม้าแทนเรียนซะงั้น



ทั้งหมดที่เล่าไปข้างต้นคือวิธีการอ่านหนังสือของข้าพเจ้าที่ทำประจำ ทำได้บ้างไม่ได้บ้างแล้วแต่ครั้งไป บางครั้งก็ชนะตัวเอง บางครั้งก็แพ้ตัวเอง หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเด็กๆที่ยังเรียนหนังสืออยู่บ้าง และ อย่างไรก็ตาม บางวิธีก็ฮาร์ดคอร์ไป(เช่น วิดพื้น ๑๐๐ครั้ง หรือ ตื่นมาอ่านกลางดึก) ควรประเมินกำลังและสุขภาพตัวเองให้ดีก่อนทำตาม



ด้วยรักและหนังสือเรียน


ป.ล. อย่าลืมกดไลค์เพจกันนะคะ กดเบาๆที่นี่เลย

ป.ล.2 คนอะไรใช้รูปตัวเองประกอบบล็อก