วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ใครนัดหมายพระสงฆ์มาชุมนุมกัน

เห็นคนสมัยนี้ชอบตั้งข้อสังเกตว่า ในวันมาฆบูชาที่พระสงฆ์จำนวนมากมาชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมายนั้นเป็นเรื่องโม้ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้....

แต่จริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อธิบายได้ไม่ยากเลยค่ะ

ย้อนกลับไปในสมัยพุทธกาล ณ บริเวณที่เป็นประเทศอินเดียปัจจุบัน ศาสนาหลักที่คนแถวนั้นนับถือคือศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ในสมัยนั้นน้อยคนนักที่จะเกิดมาแล้วนับถือพุทธเลย (อาจจะไม่มีเลยก็ได้) แต่ละคนต่างเกิดมานับถือพรามหมณ์-ฮินดู ก่อนที่จะรับความเชื่อ ได้ฟังธรรม แล้วเกิดเลื่อมใสในพุทธศาสนาจนตัดสินใจเปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนาในที่สุด บางคนเลื่อมใสถึงขั้นออกบวช

ในหมู่พระสงฆ์ยุคนั้น ย่อมต้องเป็นพระสงฆ์ที่เคยนับถือศาสนาพราหมณ์มาก่อน... พระสงฆ์เหล่านั้นออกเดินทางเผยแผ่ศาสนาไปเรื่อยๆ ทั่วดินแดน

กระทั่งใกล้ถึงวันหนึ่ง ที่เราเรียกกันว่า วันเพ็ญ เดือน ๓ พระสงฆ์เหล่านั้นก็ระลึกได้ว่า ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดูนั้น เราเรียกวันนี้กันว่า "วันมาฆะ ปูรณิมา"

ในวันนี้จะเป็นวันที่ชาวบ้านร้านตลาดที่นับถือศาสนาพราหมณ์ฮินดู ต่างไปอาบน้ำในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ รวมตัวกันไปบูชาเทพเจ้าที่ตนนับถือ เพราะเชื่อว่าเป็นช่วงโปรโมชันทำอะไรจะได้บุญมากกว่าวันอื่นๆหลายเท่า



พระสงฆ์ทั้งหลายผู้เปลี่ยนมายอมรับนับถือพุทธศาสนา แต่ในใจลึกๆก็จำได้ว่าวันนี้เป็นช่วงเวลาโบนัส แต่เราไม่ได้นับถือเทพเจ้าต่างๆแล้วนี่ จะทำอย่างไรดี... พระสงฆ์เหล่านั้นพอระลึกได้เลยรีบเดินทางมาหาศาสดาของตนคือ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยด่วน เพื่อจะมาถามว่า ในฐานะที่เราอยู่ในศาสนาพุทธ ช่วงเวลาโบนัสนี้ เราควรจะบูชาอะไรดี


เมื่อเห็นพระสงฆ์จำนวนมากมาชุมนุมรวมกัน และถามว่าควรบูชาอะไรในวันดังกล่าว พระพุทธเจ้าจึงตัดสินพระทัย เทศนาเป็น โอวาทปาติโมกข์ หรือ หัวใจของพุทธศาสนา ว่าด้วยเรื่อง การเว้นความชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ว่าให้บูชาสิ่งนี้แหละ...

เห็นไหมคะ.............การที่พระสงฆ์จะมาประชุมรวมกันจำนวนมาก ไม่ได้เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว


วันอังคารที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

[Howto] จับคนในเครื่องแบบให้อยู่หมัด

           ขุดบล็อกเก่าขึ้นมาเล่าใหม่ต้อนรับวันวาเล็นไทน์ที่กำลังจะมาถึงนี้ เผื่อสาวๆหลายคนที่กำลังโสดสนิทกระมิดกระเมี้ยนวางแผนนอนคลุมโปงอยู่บ้านไม่กล้างย่างกรายออกนอกชายคาในวันวาเล็นไทน์ที่กำลังจะมาถึง หรือบางคนพอออกมาได้ก็เลือกนุ่งขาวห่มขาวเข้าวัดบริกรรมคาถานั่งสมาธิถือศีลกินเจประชดชีวิตโสด จะได้มีกิจกรรมอื่นทำไม่น้อยหน้าเขาบ้าง

            ข้าพเจ้าขอนำเสนอคู่มือช่วยชีวิต(?) ให้รอดพ้นจากวันหยุดราชการอันเปลี่ยวเหงา กับบล็อกเก่าเก็บ

            อย่างไรก็ดีก่อนที่ท่านจะกวาดสายตาลงไปพบเห็นรูปภาพต่างๆด้านล่างนี้ ข้าพเจ้าขอเตือนท่านไว้ว่า ถาพทั้งหมดที่เห็นนี้เป็นการแสดง และ.....ภาพมันนานมาแล้วนะ นะ คนเราหน้าตาเปลี่ยนกันได้นะ คนเราต้องมียุคมืดในช่วงเรียนหนักแล้วสติหลุดลุกขึ้นมาถ่ายรูป + เขียนอะไร เพี้ยนๆ นะ

[Howto] จับคนในเครื่องแบบให้อยู่หมัด 


ปัจจุบันชายหนุ่มแท้ๆนั้นหายากนัก กว่าจะได้มาทีก็ต้องฝ่าฟันเหล่าสาวๆที่มีจำนวนมากกว่าหลายเท่าตัวนัก มีหนุ่มบางประเภทก็น่าค้นหาเป็นพิเศษอาจเป็นเพราะในเวลาปรกติเขามักจะอยู่เกาะกลุ่มกันเองไม่ค่อยออกมาปรากฏตัวให้สาวๆเห็นเท่าไหร่นัก ประกอบกับเครื่องแต่งกายที่ดูดี (กลบรัศมีหน้าตา) ทำให้เป็นหนุ่มอีกประเภทที่สาวๆสนใจนักหนา...วันนี้ข้าพเจ้าก็เลยจะมาขอเสนอวิธีจับหนุ่มในเครื่องแบบให้อยู่หมัดค่ะ


วันนี้เราได้รับความร่วมมือจาก นายกิตติพัฒน์ มณีใหญ่ หรือ ม่อน (หรือที่เพื่อนๆเรียกว่า พี่ม่อน อีม่อน อีเกรียนม่อน ตามแต่ความศรัทธา )อนาคตว่าที่ร้อยตรี ผู้มีความสามารถในการขับร้องเพลง(?)ญี่ปุ่น รำพัด(?) และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้ยังพกติดมาด้วยตำแหน่งหัวหน้าเกรียนแก๊งค์อีกต่างหาก วันนี้พี่ม่อนจะมาเป็นตัวแทนหนุ่มในเครื่องแบบให้กับเราค่า




มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าชายหนุ่มนั้นหายากแล้ว...หนุ่มในเครื่องแบบย่อมหายากยิ่งกว่าดังนั้นถ้าสมมติว่าเราพบเป้าหมายมาได้คนหนึ่งแล้วทำอย่างไร...เขาถึงจะไม่หลุดไปจากมือเราได้ ทั้งๆที่อาจมีคู่แข่งสาวๆมากมายนัก




วิธีแรกกันเลยดีกว่า เนื่องจากหนุ่มในเครื่องแบบทหารเช่นนี้มักจะฝึกหนักตลอดเวลาใช้พลังงานแต่ละครั้งก็เยอะนัก ทำให้ร่างกายผอมโซ หนุ่มพวกนี้จึงต้องการอาหารที่มีคุณค่าและเลิศรส(แตกต่างไปจากอาหารในค่ายฝึกที่มีรสชาติประดุจอาหารทิพย์ (ไม่ต้องกินแค่ก็อิ่ม...เพราะไม่กล้าแตะ) ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร ทฤษฎีเสน่ห์ปลายจวักก็ยังใช้ได้เสมอ เอาอาหารล่อมันเลยค่ะพี่น้อง...รับรองตามติด




ถ้าวิธีแรกยังไม่ได้ผลเนื่องด้วยทหารหนุ่มของเราเป็นคนมีจรรยาบรรณ เราก็คงจะต้องเริ่มเล่นอะไรที่เป็นทหารๆเสียที พลทหารทั้งหลายย่อมเคยชินกับการรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาดังนั้นไหนๆก็ไหนๆแล้ว....แกล้งทำเสียงขึงขังสั่งเป็นภาษาทหารใส่เลยค่ะ เผลอๆสติไม่อยู่กับตัว พลทหารของเราคงทำตามเอาง่ายๆ




เมื่อกลวิธีง่ายๆเช่น๒ข้อข้างบนอาจจะไม่สำฤทธิ์ผล เราจึงจำต้องลองใช้วิธีที่ลึกซึ้งถึงจิตใจของพลทหารดูบ้างดีกว่า แน่นอนว่าขึ้นชื่อว่าทหารทุกคนย่อมรักชาติกันยิ่งชีพ แถมพร้อมจะพลีชีพเพื่อชาติกันอีกต่างหากอย่ากระนั้นเลย...สาวๆ...เปลี่ยนชื่อเป็นชาติซะเลย...อย่างงี๊...ไม่รักไม่ได้แล้วววว

 


ถ้าทำอย่างงู้นอย่างงี๊ก็แล้ว...ยังไม่สำเร็จคงจะเหลือแต่วิธีตรงๆวิธีเดียวแล้วล่ะ...

เข้าไปจับตรงๆซะเลย!!!

 


แถมพิเศษ > วิธีการจับตรงๆก็มีหลากหลายเทคนิคให้เลือกแล้วแต่ความถนัดนะคะ







และแล้วในที่สุดพลทหารย่อมตกเป็นของเรา!!!




วันนี้ขอลาไปก่อน...หวังว่าทุกท่านจะได้สาระจากสิ่งที่เพิ่งเสียเวลาอ่านไปนี้ไม่มากก็ไม่ได้เลยนะคะ....แล้วพบกันใหม่เมื่อโอกาสอำนวย สวัสดีค่า

วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ข้อสอบ

ข้อสอบที่ผู้ออกข้อสอบไม่มีความรู้จริงด้านศาสตร์นั้นๆไม่ได้วัดอะไรเลย

ช่วงนี้เห็นกระแสควิซจากเว็บแห่งหนึ่งกลับมาอีกครั้ง แต่เน้นไปทางควิซความรู้ คล้ายๆจะพยายามทำเพื่อนติวสอบระดับมัธยมไปในตัว เมื่อเข้าไปดูก็จะพบเนื้อหาและภาษาที่ดูท่าทางแล้วผู้เขียนจะเปิดหนังสือมัธยมแล้วเขียนขึ้นมา

ซึ่งบางครั้งผู้เขียนก็ไม่ได้มีความรู้วิชานั้นมากไปกว่าอ่านเนื้อหาที่ตัวเองวางไว้ตรงหน้าได้ออก หลายควิซที่ออกมาจึงดูยาก ทำอย่างไรก็ได้คะแนนน้อยนิด

เห็นเด็กมหาวิทยาลัยหลายคนนั่งทำควิซวิชาที่ตนไม่ได้เรียน เช่น เด็กอักษรทำควิซเลข เด็กวิศวะทำควิซภาษา แล้วก็หัวเราะร่ากับเพื่อนล้อเลียนกันเฮฮาว่าได้คะแนนน้อย สงสัยจะ"โง่"วิชานั้นๆ

ข้าพเจ้าผู้ลองเข้าไปทำ(ไม่ได้อวดอ้างว่าตัวเองเก่งแต่อย่างน้อยการเรียนสายวิทย์ในช่วงมัธยมและเรียนสายภาษาช่วงมหาลัยก็คงพอจะทำให้เห็นภาพพื้นๆของหลายวิชาได้ชัดอยู่) แล้วก็รู้สึกแปลกๆกับเฉลย และคะแนนที่ออกมา จึงลองนำควิซแต่ละวิชาไปให้เพื่อนๆที่เรียนด้านนั้นโดยตรงและมีความสามารถเชื่อถือได้ลองทำ พบว่าเพื่อนเหล่านั้นไม่ได้ทำคะแนนได้ดีไปกว่ากันเลย

หลายคนยืนยันว่า ข้อสอบที่เป็นตัวเลือกในนั้นให้ตัวเลือกที่แย่มากจนไม่สามารถเลือกได้ว่าควรจะตอบข้อไหน สุดท้ายแม้มีความรู้ รู้คำตอบจึงต้องเลือกเดาสุ่ม

ที่มาเขียนเช่นนี้ก็มิได้คิดจะอวดอ้างตัวเองอะไร แค่สงสัยว่า เหตุใดจึงตัดสินว่าตนหรือเพื่อน"โง่" เพียงเพราะข้อสอบไม่ได้มาตรฐานเช่นนี้

สุดท้ายนี้บางครั้งคงไม่ใช่ทำนอง รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง แต่หากเครื่องดนตรีพังๆเสียๆ ต่อให้ผู้เล่นมากฝีมือ ผู้รำชำนาญ จะมาให้การแสดงสวยๆงามๆคงไม่ได้ และข้าพเจ้าก็เพียงสงสัยว่านี่เป็นเพียงข้อสอบเล่นๆในอินเตอร์เน็ต หากเป็นข้อสอบจริงๆ ที่ใช้วัดผลคนจริงๆ ชีวิตของคนคนนั้นจะเป็นเช่นไร


เปิดประเดิมบล็อกใหม่

       หลังจากครุ่นคิดมาสักพักใหญ่ๆ จนมีความคิดก้อนมหึมาอยู่ในสมอง หลากหลายหัวข้อที่น่าเขียน(มากกว่างานประจำที่เขียนอยู่) พรั่งพรูไปมาต่อสู้กับความขี้เกียจ แต่สุดท้ายความอยากถ่ายทอดก็เอาชนะได้ ข้าพเจ้าก็คิดว่าถึงวาระดิถีฤกษ์ดีที่จะนำความคิดมาถ่ายทอดในรูปแบบบทความเสียที

       เมื่อสักพักใหญ่ๆ มาแล้วเมื่อเริ่มมีความคิดพรั่งพรูใหม่ๆ ข้าพเจ้าเคยสอบถามไปยัง แฟนเพจ View ViewPoint PointOfView อยู่หลายครั้งหลายครา ว่าอยากให้เปิดบล็อก หรืออยากให้เขียนเป็นบันทึกลงในเพจนั้น

       แต่ด้วยความที่บันทึกต่างๆนั้นใส่รูปประกอบไม่ใคร่สะดวก แถมมีลักษณะไม่ใช่บทความเท่าใดนัก....เลยคิดว่ามาเปิดเป็นบล็อกเลยคงดีกว่า

       แม้ว่าหลังๆมานี้ข้าพเจ้าจะเห็นว่าคนนิยมเข้าไปอ่านบล็อกน้อยลงเพราะมีเพจต่างๆผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แต่ก็ฝากเนื้อฝากตัวฝากบล็อคนี้ไว้ด้วยคนนะคะ

ขอบคุณค่า
View




ป.ล. แรกๆอาจจะมีขุดบล็อกเก่าในประวัติศาสตร์มารวมๆกันไว้ที่นี่บ้างนะคะ ดังนั้นภาษาอาจจะกระโดดย้อนวัยไปนิด ถือว่าเรากำลังอ่านประวัติศาสตร์ร่วมกันแล้วกันนะคะ