วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557

เรื่องเล่าว่าด้วยไกด์ผู้น่ารัก ณ แดนอาทิตย์อุทัย 2

ความเดิมตอนที่แล้ว....

ไม่รู้จะมีไปทำไม ย้อนกลับไปอ่านเองสิ จิ้มที่นี่เลย



วินาทีที่ข้าพเจ้าเหยียบแดนอาทิตย์อุทัย ข้าพเจ้าก็รู้สึกเบิกบานใจเป็นกำลัง เพราะอากาศที่หนาวเย็นกว่าที่คาดการณ์ไว้เนื่องจากฝนตกในคืนก่อนไป อากาศที่ควรจะขึ้นเป็น 10กว่าองศา ปลายๆเกือบ 20 จึงลดฮวบฮาบลงมาอยู่ที่เลขตัวเดียวอย่างสมใจ(ไม่ใช่ร้านเครื่องเขียน)

ทุกคนเดินวนเวียนสับสนผ่าน ต.ม.เข้าเมืองมาตามปกติกระทั่งตามๆกันมาขึ้นรถทัวร์ ทำให้ข้าพเจ้า(เพิ่งรู้เพราะตามเขามาคนอื่นในบริษัทเขาก็รู้อยู่แล้ว) เพิ่งรู้ว่าทัวร์ของเราเป็นทัวร์ขนาดใหญ่มหึมาระดับต้องใช้รถทัวร์ 2 คันเลยทีเดียว (โปรแกรมเกือบเหมือนกันแต่เที่ยวแยกกันแทบจะอิสระเพราะนอนกันคนละที่ จ่ายไม่เท่ากัน)

ข้าพเจ้าได้นั่งรถบัสคันที่ 1 ที่เป็นรถผู้บริหาร(เพราะเพื่อนสนิทพ่อที่ชวนมาเป็นผู้บริหาร) ข้อความตรงนี้เสริมเผื่อใครคิดว่าอ่อระดับกากๆเขาเลยไม่เกรงใจเลยได้รับการบริการอย่าง่ารึเปล่า อะไรงี้

หลังจากทุกคนขึ้นรถเข้าที่เรียบร้อยแล้ว ล้อก็เริ่มหมุน การเดินทางของเราเริ่มขึ้น ณ เวลานี้ พร้อมๆ กับ ความน่ารักข้อที่ 3

เป็นธรรมดาที่เมื่อไปเที่ยว ไกด์ทัวร์มักมี 2 คน คนหนึ่งเป็นหัวหน้าทัวร์คุมลูกทัวร์อำนวยความสะดวกมาจากไทย ส่วนอีกคนมักเป็นไกด์ท้องถิ่นที่รู้ภาษาไทย(แต่ข้าพเจ้าก็เคยเจอบ้างที่สื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ) อย่างไรก็ตามสมัยนี้ คนไทยมีความสามารถด้านภาษามากขึ้น บางครั้งเมื่อไปประเทศอย่างญี่ปุ่นที่ไม่ได้มีข้อบังคับว่าต้องมีไกด์ท้องถิ่น เราก็จะพบว่าไกด์ไทยเหมารวบดูแลลูกทัวร์เองเลยก็มี

ทันทีที่ขึ้นรถทัวร์ ไกด์ผู้่าของเราก็เริ่มแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ทำให้ข้าพเจ้าทราบว่าไกด์ของรถบัสคันที่ 1 นี้ ไม่ได้มีเพียง 2 คน แต่มีถึง 3 คนด้วยกัน

ไกด์คนที่หนึ่งเป็นผู้ชายเขาแนะนำตัวด้วยภาษาไทยที่ดูเหมือนจะติดสำเนียงญี่ปุ่นที่ฟังยากและน่ารำคาญหูมากสำหรับคนที่เรียนด้านภาษาไทยอย่างข้าพเจ้า กระนั้นข้าพเจ้าก็ใช้ความเป็นนักเรียนมนุษยศาสตร์ซึ่งควรเข้าใจมนุษย์ทำใจยอมรับและให้อภัยว่า เมื่อข้าพเจ้าพูดญี่ปุ่นคนญี่ปุ่นก็รำคาญข้าพเจ้าแบบนี้เช่นกันแหละ เขาแนะนำตัวว่าเขาเป็นผู้ดูแลทัวร์ครั้งนี้

ไกด์คนที่สองเป็นผู้หญิงเธอแนะนำตัวอย่างธรรมดาดาดๆ ไม่มีอะไร



3. ไกด์คนที่สามมีสไตล์การแต่งตัวเป็นสาวห้าวแต่ไม่ถึงขั้นทอมบอย อายุของนางดูไม่มากนัก ดูคล้ายเด็กมหาลัย หรือ อย่างมากก็เพิ่งจบ(ข้าพเจ้ามารู้ทีหลังในวันกลับว่านางอายุเท่าข้าพเจ้าเป๊ะ)นางจับไมค์ขึ้นมาและบรรจงพูดกรอกลงไปในไมค์ว่า "เราชื่อ... ถ่ายรูปสวย เรียกเราถ่ายรูปได้" จบประโยคของนางข้าพเจ้าเงยหน้าขึ้นมองหน้านางให้ชัดอีกที สรรพนามที่ไกด์อีก2 คนเรียกลูกทัวร์ เขาและเธอใช้เรียกว่า "ท่าน" เพราะในรถทัวร์คันนี้ล้วนเป็นผู้บริหาร หรือผู้จัดการที่มีตำแหน่งสูงมากของบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศไทยและครอบครัว และถึงแม้จะไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง แต่คนส่วนมากบนรถคันนี้ก็มีอายุเป็นพ่อเป็นแม่นางได้ทั้งนั้น (อย่างน้อยก็พ่อแม่ข้าพเจ้าซึ่งข้าพเจ้าอายุเท่านางเป๊ะ) 

(ต่อจากนี้จะเรียกทั้งสามว่า ไกด์ 1 ไกด์ 2 และ ไกด์ 3)

เวลาผ่านไปไกด์ทั้งสองนางก็ช่วย แจกอาหารเช้า ตามที่ไกด์1 สั่ง แล้วไกด์1 ก็พยายามเอนเตอร์เทนลูกทัวร์ผู้ไม่ได้นอนบนเครื่องทั้งคืนและพยายามข่มตาหลับระหว่างการเดินทางข้ามเมืองอันยาวนาน จากสนามบินไปแหล่งท่องเที่ยวแรก หมู่บ้านนินจา ไปเรื่อยๆ ความ่า ข้อ4 มาเกิด เมื่อระหว่างนั้น ไกด์1 หันไปพูดกับ คนขับรถ

4. ไกด์1 หันไปถามทางคนขับรถและโฟ่วกับคนขับรถ ตามที่ไกด์อันดีงามควรกระทำเพื่อจะแจ้งลูกทัวร์อย่างถูกต้องว่าพวกเราจะมีเวลาพักผ่อน(??) นานแค่ไหนกว่าจะถึงที่หมาย ความน่ารักมาเกิดก็เพราะ ทันทีที่นางเปิดปากพูดภาษาญี่ปุ่น กับคนญี่ปุ่นแท้ๆ

การสนทนาโต้ตอบไปมาสะดุดหูข้าพเจ้าเด็กอักษรผู้มีความรู้ภาษาญี่ปุ่นเท่าหางอึ่งแต่คุ้นเคยกับสำเนียง ทั้งจากที่เคยเรียน(เท่าหางอึ่ง) เพื่อนๆในคณะ และสื่ออีกหลากหลาย(เช่นการติดอนิเมะอย่างหนัก) รวมไปถึงการเคยมาประเทศญี่ปุ่นหลายครั้ง 

ข้าพเจ้าตระหนักในทันทีว่า ภาษาญี่ปุ่นที่ไกด์ผู้นี้พูด เป็นสำเนียงไทยแท้ไม่มีญี่ปุ่นปนเปื้อนแม้สักกระผีกเดียว(และจากการพยายามคิดบวกตลอดทริปและพยายามเช็คแล้ว พบว่านางเป็นคนไทยแท้) แล้วภาษาไทยสำเนียงป่วยๆของนางนั่นคืออะไร 

ข้าพเจ้าแทบกรี๊ดออกมาว่า นี่ตู เด็ก เอก ไทย ผู้รำคาญพวกพูดไม่ชัดอย่างถึงที่สุดต้องทนฟังแบบนี้ไปตลอดทริปเลยหรือนี่ น่าซึ้งใจยิ่งนัก

ในเคสนี้ เรื่อง ร และ ล ไม่ต้องพูดถึง .....คำอื่นทั้งหมดเพี้ยนหมด เพี้ยนแบบไม่ใช้ภาษาถิ่นภาคไหนในไทยแน่ๆ และเมื่อค้นพบแล้วว่านางไม่ใช่คนญี่ปุ่น นั่นไม่ได้เพี้ยนสำเนียงญี่ปุ่นด้วย ข้าพเจ้ามีเพื่อนคนญี่ปุ่นที่รู้ภาษาไทยหลายคน และไม่มีใครพูดเพี้ยนสำเนียงแบบนี้

และยิ่งไปกว่านั้นไกด์1 ไม่ได้มีปัญหาแค่เรื่องสำเนียงเพียงอย่างเดียว ภาษาไทยของไกด์1 ยังอ่อนแอทั้งด้านการเลือกใช้ศัพท์ คลังคำศัพท์ที่มี จากทั้งหมดนี้ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจผิดอย่างจังว่าเขาคนนี้ไม่ใช่คนไทย เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมาขนาดไกด์ท้องถิ่นหลายคนพูดภาษาไทยได้ดีกว่าเขาคนนี้เลยทีเดียว ซึ่งเมื่อรวมกันความน่ารักด้านอื่นๆที่จะกล่าวถึงในอนาคตแล้วทำให้เกินทนทานได้จริงๆ

ข้าพเจ้ามิได้ขอให้ทุกคนในโลกพูดภาษาแม่ของตัวเองอย่างชัดเจน แต่อย่างน้อยที่สุด คนที่ต้องทำงานเรื่องการพูดโดยเฉพาะ อย่าง วิทยากร ไกด์ ครู นักข่าว พิธีกร ช่วยออกเสียงให้ชัดได้ไหม หรืออย่างน้อยคนที่ทำงานสื่อสารกับคนเช่นนี้ก็ควรใช้ภาษาไทยให้ดี

เห็นไหมคะ นี่ขนาดยังไม่ได้เหยียบที่เที่ยวที่แรก...ความ่าของทีมงานของเรายังมีให้เวิ่นเว้อได้ยาวจนควรแก่การตัดตอน เพราะมิฉะนั้นท่านผู้อ่านคงจะเกิดอาการ "ยาวไปไม่อ่าน" เป็นแน่

ติดตามชมตอนต่อไป....นะคะ



ด้วยรัก

ป.ล. อย่างที่หลายท่านอาจสังเกตแล้ว ข้าพเจ้าลงชื่อด้วยลิงค์ไปยังเพจของข้าพเจ้าทุกครั้ง ดังนั้นหากท่านใดไม่ได้เห็นบล็อกนี้จากเพจ รบกวนจิ้มไลค์เบาๆเป็นกำลังใจนะคะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น