วันพฤหัสบดีที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2557

เรื่องเล่าว่าด้วยไกด์ผู้น่ารัก ณ แดนอาทิตย์อุทัย

บอกไว้เสียก่อนว่าผู้เขียนเป็นมนุษย์เวิ่นเว้อชอบลงรายละเอียด ดังนั้นใครขี้เกียจอ่านน้ำ อยากอ่านเนื้อเน้นๆ ให้อ่านที่มี เลขข้อ นะคะ

ขึ้นชื่อว่าการไปท่องเที่ยว ณ ต่างแดน คนเราย่อมมีทางเลือกหลากหลาย ผู้ที่มีความรู้ด้านภาษาพอใจจะหาข้อมูลและท่องเที่ยวด้วยตนเองก็จะเลือกเดินทางเอง อาจไปคนเดียวเป็นกลุ่มเล็กๆ วางแผนเองเพื่อความสบายใจ 

หากแต่หลายคน กลับเลือกที่จะใช้บริการที่สะดวกสบายกว่า ไม่ว่าจะเป็นการจัดการที่ทำให้เสร็จสรรพตั้งแต่ขอวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน โรงแรม วางแผนเดินทาง รวมถึงมียานพาหนะให้ ใช่แล้วค่ะ การเดินทางกับบริษัททัวร์นั่นเอง

อ๋อ... ลืมเขียนถึงไปอีกอย่างสินะ ไปเที่ยวกับทัวร์จะขาด คนนี้ไปได้อย่างไร ผู้นำเที่ยว หรือ ไกด์ ผู้มีหน้าที่คาบเกี่ยวระหว่างอำนวยความสะดวกให้ลูกทัวร์ บอกเล่าเรื่องราวของสถานที่เที่ยว รวมถึงไปให้ความบันเทิงระหว่างเดินทาง

วันนี้จะมาเล่าถึง ไกด์ผู้่า ที่ข้าพเจ้าประสบมาระหว่างเดินทางท่องเที่ยว ณ แดนอาทิตย์อุทัย



ออกตัวก่อนว่าอ่านจบหลายคนคงด่าว่าทำไมไม่ไปเที่ยวเอง ปกตินี่เที่ยวเองค่ะ ไม่ก็เจอไกด์ที่โอเค คุยกันได้ ไม่มีปัญหา ไม่ได้คาดหวังบริการ 100% perfectมอบโล่ แต่คาดหวังว่า ควรได้อะไรสักอย่างจากไกด์บ้าง

เรื่องของเราเริ่มขึ้นนับตั้งแต่วินาทีแรกที่เหยียบสนามบิน

ย้อนกลับไปเมื่อเกือบเดือนก่อน ขณะที่พ่อตัดสินใจว่าเราจะไปท่องเที่ยวกัน โดยครั้งนี้พวกเราได้ติดสอยห้อยตามไปกับการท่องเที่ยวระหว่างวันหยุดของบริษัทเพื่อนพ่อ ที่จัดให้พนักงาน (ในขณะที่เราเสียเงินไป) วันนั้นพ่อกำชับให้แม่โทรติดต่อบริษัททัวร์ด้วยตนเอง เพราะว่า พ่อเป็นคนที่เมาเครื่องบินง่ายมาก ไม่สามารถนั่งหลังเครื่องได้ อย่างมากคือนั่งตอนกลางของเครื่องบิน(ซึ่งก็จะเมานิดๆอยู่ดี)


แม่แจ้งบริษัททัวร์ว่าช่วยแจ้งสายการบินให้ด้วย ว่าขอนั่งหน้าเป็นพิเศษ 1 คน นั่งแยกกับคนอื่นก็ได้ไม่เป็นไร เพราะมีอาการเมาเครื่อง ด้วยประสบการณ์หลังจากวันนั้นแม่จึงย้ำกับบริษัททัวร์อีกหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นตอนจ่ายเงินตอนมารับพาสปอร์ต และตอนติดต่อกันเรื่องอื่นๆ

กลับมาที่วินาทีที่เหยียบสนามบิน พวกเราขนกระเป๋าเริงร่าเข้าไปยังหน้าจุดเช็คอินเพื่อพบไกด์ผู้่ายืนยิ้มหน้าระรื่นต้อนรับอยู่ 2 นาง นางทั้งสองแจกซองพลาสติกให้ 1 ซองตามหน้าที่

บริษัททัวร์นี้ก็เหมือนบริษัททัวร์อื่นๆที่จะอำนวยความสะดวกให้ลูกทัวร์เป็นอย่างดีด้วยการจัดซองพลาสติกใส่พลาสปอร์ต ใบเข้าเมือง(ที่กรอกข้อมูลเรียบร้อยเว้นไว้แต่ช่องลายเซ็น) และ ข้อมูลลายละเอียดอื่นๆ เกี่ยวกับการเดินทางพร้อมปากกา 1 ด้ามให้ (จำซองนี้ดีๆนะคะ)

ด้วยความที่พวกเราไปค่อนข้างเร็วกว่าเวลานัด ไกด์ผู้่าจึงพาไปที่จุดเช็คอินก่อน เพื่อจะได้เข้าไปเพลิดเพลินละลายทรัพย์กับร้านค้าภายในDuty Freeได้อย่างเต็มที่ ปรากฏว่าเมื่อไปถึงเคาน์เตอร์เช็คอินเราก็พบกับความจริงประการแรก จากเจ้าหน้าที่สนามบินที่ว่า

1. ที่นั่งของพวกเราทั้ง 4 ชีวิต ได้ที่นั่งงดงาม ติดกัน 4 คนสามารถพูดคุยได้สะดวก....แต่........อยู่แถว "หลังสุด" ติดหางเครื่องบิน เมื่อสอบถามว่าที่ขอไปแล้วและย้ำหลายรอบเกิดอะไรขึ้น ไกด์ผู้น่ารัก ทำหน้าช่วยไม่ได้จากนั้นก็เฟดตัวไปหาลูกทัวร์คนอื่นอย่างรวดเร็ว 

หลังจากพ่อข้าพเจ้าเจรจากับเจ้าหน้าที่สนามบินอยู่สักพัก พ่อก็ได้ที่นั่งข้างหน้ามาอย่างงดงาม ถือเป็นการใช้ความสามารถของตัวเองที่เคยเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆล้วนๆ ซึ่งก็...รู้สึกตะหงิดๆเล็กน้อยว่าแจ้งไปหลายรอบแล้วทำไมบริษัทไม่จัดให้ตั้งแต่จองตั๋ว อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าก็ยังรู้สึกว่าคนเราผิดพลาดกันได้ และปล่อยผ่านเพราะไม่อยากเก็บเป็นอารมณ์ให้เสียฟีลตั้งแต่ยังไม่เริ่มเที่ยว

พักโฆษณาเล็กน้อย เสื้อตัวนี้ขายนะคะมีปีกสีขาวกะปีกสีดำค่ะ


เวลาผ่านไปไม่กี่นาทีจากจุดเช็คอินและโหลดกระเป๋า ด่านต่อไปที่เราท่านทราบกันดีคือ ต.ม. หรือจุกเช็คคนออกจากเมืองนั่นเอง เป็นจุดที่เราท่านจะต้องไปเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจเช็คเอกสารออกนอกประเทศ (ที่สามารถรับไปกรอกได้แถวๆที่เช็คอิน หรือ ถ้าเป็นบริษัททัวร์ก็จะกรอกมาให้แล้วอย่างสวยงาม อยู่ในซองพลาสติก จำกันได้ไหมคะ) มองกล้องเล็กน้อย แล้วผ่านไปได้

หรือสมัยนี้ก็มีนวัตกรรมใหม่ที่ทำร้ายคนไร้รอยนิ้วมือเช่นข้าพเจ้าอย่างมาก คือ เครื่องตรวจคนออกอันโนมัติ ที่เอาพาสปอร์สใส่เข้าไป มองกล้องเล็กน้อย ปั๊มนิ้วมือแล้วก็ผ่านไปได้

ก่อนเดินไปถึงจุดนั้น เราก็ได้พบ ไกด์ผู้่าก อีกครั้งที่มาเตือนว่า อย่าShopเพลินจนลืมขึ้นเครื่องนะเราท่าน แล้วอีกอย่าง เอกสารกรอกไว้ให้เรียบร้อยแล้ว งดงาม อย่าลืมเซ็นชื่อด้วย ไฮไลท์ไว้แล้ว ตรงไหนไม่ไฮไลท์อย่าไปแตะมันนะ เรื่องที่ 2 ของเราเริ่มขึ้นตรงนี้

2. เนื่องด้วยความไร้รอยนิ้วมือของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงจำต้องไปพบปะเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง แทนที่จะตรวจด้วยเครื่องอัตโนมัติ ข้าพเจ้ายื่นพาสปอร์ตและใบออกนอกเมืองให้เจ้าหน้าที่พร้อมยิ้มหวาน 1 ครั้ง ตามสไตล์คนเดินทางบ่อยแบบ ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่ ทันใดนั้น....

"น้องครับ กรอกข้อมูลให้ครบด้วย"

ข้าพเจ้ารับใบออกจากเมืองกลับมาด้วยสีหน้างงๆ เอ๊ะก็เซ็นแล้วหนิ ที่ไฮไลท์ไว้ก็มีเท่านี้

แต่เมื่อก้มมองช่องเลขพาสปอร์ต วันเกิด และอื่นๆ ก็ขพเจ้าก็ถึงบางอ้อ บริษัททัวร์ที่รัก นางเขียนมาให้แต่ชื่อกะไฟล์ทบิน (อันนี้ยอมรับว่าไม่ได้ดูให้ดีเอง แต่ก็นะ นางบอกเองว่าไม่ต้องยุ่งให้เซ็นเฉยๆ)

สรุปคือ ทัวร์ข้าพเจ้าอันนี้คนจำนวนมหาศาล ทุกคนที่ไม่ได้ผ่านเครื่องอัตโนมัติต้องมานั่งกรอกเพิ่มหมด และติดการตรวจโดยถ้วนหน้า 

(รวมถึงตอนเข้าเมืองญี่ปุ่นด้วย ซึ่งอันนี้ถ้าไม่รู้ตัวล่วงหน้าและเตือนกันให้กรอกก่อนบนเครื่อง คงจะเรื่องยาว จากประสบการณ์เคยโดน ต.ม. ญี่ปุ่นกักไว้เกือบ 3 ชั่วโมงมาแล้ว)

อย่างไรก็ตามข้าพเจ้า ก็ยังคิดว่า ช่างมันๆ เรื่องเล็กน้อยไม่ได้คิดมากด้วยความรู้สึกกระริกกระรี้ว่าจะได้ไปเที่ยว

เวลาผ่านไป กระทั่งพวกเราเหินฟ้าไปสู่ดินแดนอาทิตย์อุทัยเรียบร้อย



(ระหว่างนี้มีความนอยด์สวนตัวอันไม่เกี่ยวกับไกด์ผู้่าแต่อย่างใดคือ...ทำไมที่นั่งทุกที่ที่หลับสนิทจอภาพข้างหน้ามันต้องใช้ได้ ยกเว้นจอข้าพเจ้าผู้นอนเช้าเป็นนิจ จะต้องพังพินาศจนอย่าว่าแต่ดูหนังฟังเพลงที่การบินไทยรักคุณเท่าฟ้าจัดให้ แม้แต่จะดูว่าเครื่องบินไปทิศไหน หรือ เราอยู่ความเร็วเท่าไหร่ อุณหภูมิภายนอกเท่าใด [ซึ่งเป็นความสนุกอย่างยิ่งของข้าพเจ้าในวัยเด็ก ในสมัยที่การบินไทยรักคุณเท่าฟ้ายังไม่จัดเกมและหนังมาให้ดูที่จอส่วนตัวหลังหัวคนอื่น] ก็ยังดูไม่ได้)

....เริ่มรู้สึกว่ายาว ต่อตอน 2 ละกันเนอะ

(หรือควรจะบอกว่าไปอาบน้ำเดี๋ยวมาเล่าต่อนะ ตามพันดริฟสไตล์ดีล่ะ)

ด้วยรัก


1 ความคิดเห็น: